หนังสือที่ได้รับความนิยมใน Blog นี้
-
"หนังสือเล่มแรกของผมคลอดแล้วคร้าบ!! (เหนื่อย..แต่เห็น Feed back ของผู้อ่านแล้ว ก็หายเหนื่อยครับ!!)" สารบัญ (แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นห...
-
ไปหยิบ “Superfreakonomics” ของ Levitt มาจาก Asia books ..อ่านปั๊บ โดน!!ตั้งแต่คำนำ ชอบตั้งแต่เล่มแรกแล้ว นี่อ่านเล่มสองยังไม่จบแค่บทแรกก็มีเ...
-
นี่เป็นภาพที่บรรยายได้ "ร้อยคำพูด" เป็นการอธิบายถึงความมั่งคั่งของคนทั่วโลก --"คน 10% ของโลก เป็นเจ้าของ เงิน 90% ของโลก&q...
-
ผมอ่านหนังสือ "Outliners - ของ Malcolm Gladwell" เขาพูดถึงเรื่อง ความเก่งหรือ การเป็นมืออาชีพ ได้อย่างน่าสนใจมาก เขายก "กฎของ...
-
ผมได้อ่าน "Bakery & I" หนังสือของคุณ สุกี้ (หนึ่งในสามอรหันต์แห่งค่าย Bakery Music ผู้ปฏิวัติวงการเพลงไทยตลอดกาล) ..รู้สึกว่า ...
-
“Microtrends” เป็นหนังสือ แนวเจาะประเด็นความรู้สึกนึกคิดที่เปลี่ยนแปลงขึ้นใน “ตัวเรา” แต่เราไม่รู้ --มาบอกเรา ..ทำให้เรารู้สึกว่า “จริงๆ ..ม...
-
"การ์ตูน" --จริงๆอ่านอะไรก็ได้มุมมองทั้งนั้นอยู่ที่เราจะเก็บเอาอะไรมาเป็นแง่คิด... ผมเป็นคนนึงล่ะ ที่บ้าอ่านหนังสือมากๆ (จริงๆผมว่...
-
"Animal Spirits" เป็นหนังสือ แนวนักสืบเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ อีกเล่มที่น่าสนใจ ..เป็นการมอง Economic โดยใช้ "สัญชาตญาณของสัตว์&q...
-
หนังสือเล่มนี้เป็น การเจาะลึก"ที่มาของ The Omaha" สุดยอด Value Investor ของโลก Warren Buffet นั่นเอง...ก่อนอื่นต้องบอกว่า เป็นห...
-
"ให้ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีความไม่แน่นอนสูง" "ให้ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีความไม่แน่นอนสูง" เป...
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553
หนังสือ Why Smart People Make Big Money Mistakes
เกี่ยว กับ behavioral Finance คือ การทำความเข้าใจ ว่าทำไม "เราถึงขายหุ้นในเวลาที่ไม่ควรขาย และซื้อในเวลาที่ไม่ควรซื้อที่สุด" อะไรประมาณนั้น ..อ่านเพื่อเข้าใจตัวเอง (ชีวิตมันก็ งง อย่างนี้แหละครับ) "ผมว่าใครยิ่งพยายามเข้าใจตัวเอง คนนั้นก็ยิ่งเก่งนะ"...
(แนวคิดข้างเคียง)
ทำไมเรามัก"ขายหุ้น"ในเวลาที่ไม่ควรขายที่สุด
นี่เป็นเรื่องปกติ "ขายในเวลาที่ไม่ควรขายมากที่สุด" ก็เพราะเรา "เป็นมนุษย์" นั่นเอง --- ดังนั้น การซื้อขายจึงใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินโดนส่วนใหญ่ --ยกตัวอย่างในตลาดหุ้น บางครั้งหุ้นตกน้อยๆ เราก็มองว่าไม่เป็นไรถือต่อ(เดี๋ยวมันก็ขึ้น) -- ((พอหุ้นตกต่อ)) เราก็ยังคงไม่ขาย และยังเชื่อว่า (เดี๋ยวมันก็น่าจะขึ้น)..(((พอหุ้นตกต่อไปอีก))) เราก็ยังคงไม่ขาย และยังเชื่อว่า (เดี๋ยวมันก็อาจจะขึ้นนะ(ลังเลหนักขึ้นเรื่อยๆ))..(((((พอหุ้นตกต่อ"หนัก" เข้าไปอีก))))) --ในที่สุด (ราคาหุ้นลงไปต่ำมาก) เราก็ตัดสินใจขาย เพราะกลัวว่ามันจะตกต่อไปอีก -- (พอเราขายเท่านั้น!!! -- หุ้นก็เริ่มวิ่งกลับไป วิ่งขึ้น และก็วิ่งขึ้นไป เลยราคาก่อนตกไปเสียอีก) --"นี่คือ ตัวอย่างปกติที่ ผมว่า คนเล่นหุ้น ทุกคนเคยเจอกับตัวเอง--(แต่ไม่เคยจำ)"
ดังนั้น ถ้าเราไม่อยาก "ขายในเวลาที่ไม่ควรขายมากที่สุด" เราต้อง "ตัดอารมณ์ความรู้สึกออกไป แล้วใช้ข้อมูลและเหตุผลมาวิเคราะห์เท่านั้น" -- เช่น ถ้าเราวิเคราะห์ว่า ตลาดในประเทศไทยตอนนี้ (ถูกกว่าตลาดเพื่อนบ้าน) แถมยังให้ผลตอบแทน ปันผล ดีกว่าตลาดอื่นๆ --(คุณก็ไม่ควรขายจริงไหม) เพียงแต่รอให้ตลาดปรับตัวกลับมาที่จุดที่น่าจะเป็น "เราก็รวยแล้ว"
(เพิ่มเติม) ในปัจจุบันตลาดเรายังมีหุ้นที่ราคาถูกมากมาย สาเหตุเพราะตั้งแต่ปี 1997 "ต้มยำกุ้ง" ทุกคนยังเข็ดขยาด โดยเฉพาะคนไทย "นักลงทุนรายย่อย" ที่เคยเสียจนหมดตัวในคราวนั้น ต่างให้คำมั่นกับตัวเอง ว่า"ชีวิตนี้เขาจะไม่เล่นหุ้นอีก และสอนลูกหลานว่า "ไม่ให้เล่นหุ้น"
-- มีคำพูดจากนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ กล่าวว่า "เมื่อทุกคนไม่สนใจ และหนีจากตลาดหุ้น --- นี่แหละคือเวลาที่ควรเล่นหุ้นมากที่สุด " ผมขอฟันธง ณ วันนี้ เลยว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ตลาดจะกลับขึ้นไป เหมือนก่อนที่เราจะเกิดต้มยำกุ้งอีกครั้ง (และเมื่อนั่น เหล่า"แมลงเม่า" ลูกหลานของคนที่เคยเจ๊ง จะเข้ามา ซ่า และในที่สุดแล้ว คนเหล่านี้ก็จะ เจ๊ง เหมือนกับ "แมลงเม่ารุ่นพ่อ"ของเขานั่นเอง ฮิ ฮิ.).. ตลกดี....(ไม่ขำเลย)...
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น