แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้านแบบ Buffet" โดย ภาววิทย์

หนังสือที่ได้รับความนิยมใน Blog นี้

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หนังสือ The Snowball


หนังสือเล่มนี้เป็น การเจาะลึก"ที่มาของ The Omaha" สุดยอด Value Investor ของโลก Warren Buffet นั่นเอง...ก่อนอื่นต้องบอกว่า เป็นหนังสือที่เจาะลึกประวัติของ Buffet อย่างละเอียดมาก ตั้งแต่วัยเด็ก จนรวยสุดๆในปัจจุบัน "ขอ บอกว่าหนังสือหนามาก!!" ..แต่อ่านสนุกเหมือนอ่านนิยาย ..Buffet เริ่มลงทุนตั้งแต่หนุ่มๆ โดยเป้็นลูกมือ(และลูกศิษย์) ของ Gra้ham ที่เขายกย่องว่าเป็น อาจารย์สอนหลัก Value Investor ให้แก่เขา

แต่แท้จริงแล้ว Graham เกษียณอายุตัวเองตั้งแต่ยังหนุ่ม(เนื่องจาก Graham มองว่า ณ เวลานั้น ตลาดมันสูงเกินไปแล้ว) แจ่จุดที่ Graham มองว่าตลาดแพงไปแล้ว "มันนังเป็นแค่ช่วงจุดเริ่มต้นในอาชีพของ Buffet เท่านั้น!! ... นั่นหมายความว่า Buffet ร่ำรวยจากตลาดที่ Graham ไม่คาดคิดมาก่อน!!

หลังจากที่ Buffet แยกจากอาจารย์ Graham ...เขาก็ตั้งหน้าตั้งตาลงทุนตามความเชื่อ ...ในช่วงแรกๆของชีวิตเขาไม่สามารถจะหาคนมาลงทุนด้วย "เพราะเขาไม่ค่อยมีชื่อเสียง" จึงเป็นแค่การลงทุนสำหรับ คนวงในที่พอจะรู้จัก ..หลังจากนั้นแค่สิบปี เขาก็สามารถพิสูจน์ฝีมือ จนมีคนเอาเขาไปเขียนเป็นหนังสือสุดยอดนักลงทุน..โห !! (จังหวังนั้น Buffet ก็เลิก Partnership ของเขา "คืนเงินนักลงทุน..แล้วพักอยู่ช่วงนึง" ...

The making of Buffet จริงๆ มันเกิดหลังจากที่เขาลงทุน "ครั้งที่สอง" ..และจากประสบการณ์และ Performance Record ของเขา-- ก็ทำให้ The Second Act ของเขาสามารถหานักลงทุนได้ไม่ยากนัก ..เขาใช้วิธีการคิดค่า"จัดการที่ไม่เหมือนใคร" ซึ่งทั่วไป Fund Manager จะคิดค่า Fee จากเงินต้นเช่น 2% (ตายตัวไม่ว่ากำไรหรือไม่ก็ตาม)--

แต่ Buffet ใช้คิดจาก "ผลกำไร คือ ถ้าเขาไม่สามารถทำกำไรเกิน 6%(ดอกเบี้ยพันธบัตรเวลานั้น)-- เขาจะไม่คิดค่าบริหารเลยสักแดง!! "เขาคิดค่าบริหารจาก กำไร..ไม่ใช่จากเงินต้น และนี่คือความแตกต่าง"(แต่ปัจจุบัน Hedge Fund คิดทั้ง Fee จากเงินต้น 1-2% รวมทั้งคิดอีก 20% จากกำไร "จะไม่รวยได้ไงครับนี่"..ถ้า Buffet คิดค่าบริหารกองทุนเหมือน Hedge Fund ป่านนี้เขารวยกว่า Bill Gates ไม่รู้กี่เท่าแล้ว...หุ หุ...)

ตลอดระยะเวลา 40 ปีต่อมา Buffet สร้างผลตอบแทนทบต้นเกิน 25% ต่อปี ซึ่งเป่็นสถิติยาวนานที่ไม่มีนักลงทุนคนใดในโลกเทียบติด "การคิดค่าบริหารจากกำไร"--กลับทำให้ Buffet ได้เงินมากกว่า...และจุดนี้ทำให้เขา"รวยสุดๆ"

หลักการลงทุนของ Buffet ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน คือ "ซื้อกิจการอนาคตมั่นคง ที่ธุรกิจเข้าใจง่าย ในจังหวะที่หุ้นต่ำกว่า ราคาที่ควรจะเป็น" ซึ่งท้ายสุด "เขาก็ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นว่า"--เขาคิดถูก เพราะผลตอบแทนที่เขาได้ ไม่ได้ด้อยไปกว่า นักลงทุนที่เล่นหุ้นหวือหวาเสียด้วยซ้ำ..(แต่คุณเคยคิดไหมว่า การที่ Prove "ไอเดียหนึ่งๆว่าถูกหรือผิด โดยใช้เวลา 40 ปีเต็มๆ)--มันไม่ใช่อะไรที่ง่ายเลย!!... มันเหมือนกับการแข่งวิ่งมาราธอน ที่เส้นระยะทางยาวที่สุดในโลก คือต้องใช้เวลา 40 ปี ..ผมว่าใครแข่งด้วย--มันเลิกแข่งไปตั้งแต่ ปีสองปีแรกๆแล้ว "ต้องขอบอกว่า Buffet โคตรอึดเลย!!"

เขาเปรียบเทียบการลงทุนว่าเหมือน การกลิ้งของ snowball คือ เขายืนอยู่บนยอดเขา แล้วก็โยนก้อนหิมะเล็กๆ ลงมา..กลิ้งลงมาๆ..ๆ.ยิ่งกลิ้งลงมาๆ ..ก้อนหิมะเล็กๆ ก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ...ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ---"ปัจจุบันหิมะก้อนเล็กที่ Buffet กลิ้งลงมา ไม่ว่า จะเป็น บริษัท โค้ก ,ยินเล็ท ,นสพ.วอชิงตันโพสต์ , บริษัท ประกันที่เขาลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย ภายใต้ Berkshire Hathaway ได้กลายเป็นหิมะก้อนมหึมาอย่างทุกวันนี้

..และนี่ก็คือ ที่มาของ The Snowball (ก้อนหิมะเล็กๆ ที่กลายเป็นภูเขา...)--- เท่ห์มาก (ส่วนรายละเอียดก็ไปหา The Snowball มาอ่านกันครับ!!...)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น