แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้านแบบ Buffet" โดย ภาววิทย์

หนังสือที่ได้รับความนิยมใน Blog นี้

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้านแบบ Buffet"


"หนังสือเล่มแรกของผมคลอดแล้วคร้าบ!! (เหนื่อย..แต่เห็น Feed back ของผู้อ่านแล้ว ก็หายเหนื่อยครับ!!)"

สารบัญ (แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้านแบบ Buffet) โดย ภาววิทย์ กลิ่นประทุม .. “ขอฝากหนังสือเล่มแรกของผมด้วยครับ!!”
นี่คือตัวอย่างสารบัญของหนังสือผม เริ่มจากการมองภาพกว้าง ไปจนกว้างเข้าไปอีก ..พูดง่ายๆว่า หากเรารู้ภาพใหญ่ภาพเล็กก็แทบจะไม่สำคัญ (ภาพเล็กคือ การทำกำไรแบบน้ำจิ้ม ..แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่สนใจภาพใหญ่ เล่นแต่ภาพเล็ก ในที่สุดก็เจอความผันผวนที่น่ากลัวของตลาดหุ้น) ผมกำลังพาท่านร่วมเดินทางในมุมมองของ Coach (เพราะคุณนั่งอยู่นอกสนาม คุณจึงเห็น Pattern ของการเล่นของนักบอลหรือ “เห็นภาพรวม และหาโอกาสจากตลาดได้”) นักเตะไม่ว่าจะมีความสามารถเฉพาะตัวแค่ไหน ก็ยังต้องฟัง Coach อยู่ดี --หนังสือเล่มนี้จะเป็นการ Provide ภาพของ “Coach” (ยังไง ก็ขอฝากหนังสือเล่มนี้ ไว้เป็นอีกมุมมองหนึ่ง ที่จะช่วยเติมเต็มภาพรวมหรือ ความสำเร็จของท่านผู้อ่านนะครับ)
“ (หนังสือ แกะรอยหนักสมองรวยหุ้นหมื่นล้านแบบ Buffet) โดย ภาววิทย์ กลิ่นประทุม --จะซื้อได้ทาง Website www.stock2morrow.com (ไม่ได้วางขายทั่วไปครับ)…เพื่อเป็นการลดต้นทุน เพื่อสร้างงานคุณภาพในราคาไม่แพงครับ..(สาระแน่น แต่ราคาเพียง 175 บาท “คุ้มสุดขีด..ฮิ ฮิ!!”..สั่งส่งถึงมือคุณ!!--ยังไงฝาก ผู้ที่ติดตามผลงานของผม ช่วยกันอุดหนุนกันด้วยนะครับ…หุ หุ -- ถ้าท่านอ่านแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็ช่วยบอกต่อด้วยนะครับ…(ขอบคุณล่วงหน้าเลยละกัน)
สารบัญ (เนื้อหาแบบ ซ๊อต เอสเปรสโซ่ คือ “สั้นได้เนื้อ แบบแรงๆ” อ่านกันดู)
• ตอนที่ 1 : หลุมพลางของ การลงทุน
• ตอนที่ 2 : คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่ "อยากได้กำไรเยอะๆ เร็วๆ" ---คิดถูกหรือไม่?
• ตอนที่ 3 : อยากรวยเร็วทำอย่างไร
• ตอนที่ 4 : "เล่นหุ้นอย่างไรที่ความเสี่ยงต่ำ แต่ผลตอบแทนสูง"
• ตอนที่ 5 : ทำไมเรามัก"ขายหุ้น"ในเวลาที่ไม่ควรขายที่สุด
• ตอนที่ 6 : "ผมว่าการลงทุนในหุ้นบ้านเราต้อง" วัดเมื่อขาย “ไม่ใช่วัดเมื่อซื้อ”
• ตอนที่ 7 : ภาพใหญ่ตลาดหลักทรัพย์ไทย SET
• ตอนที่ 8 : Go for BULL Market !
• ตอนที่ 9 : Trend ประชากรของโลกบอกอะไรเรา
• ตอนที่ 10 : Demographic for Business “รู้คน..ชนะเกมธุรกิจ” (ตอนที่ 1)
• ตอนที่ 11 : Demographic for Business “รู้คน..ชนะเกมธุรกิจ” (ตอนที่ 2)
• ตอนที่ 12 : Demographic for Business “รู้คน..ชนะเกมธุรกิจ” (ตอนที่ 3)
• ตอนที่ 13 : อนาคตน้ำมัน--รุ่งหรือร่วง?
• ตอนที่ 14 : "Commodity Bullish--Stock Bearlish"
• ตอนที่ 15 : เรียนรู้ที่จะอยู่(ลงทุน)กับ "ความวุ่นวาย"
• ตอนที่ 16 : เรื่องของทองที่ “ต้องรู้” !!..จาก National Geographic
• ตอนที่ 17 : Trend ใหม่ของโลก "ย้ายจากสงครามโลก สู่ยุคสงครามกลางเมือง"
• ตอนที่ 18 : "ตีแตกอสังหา" สไตล์ LPN
• ตอนที่ 19 : เรียนรู้จาก SCASSET “ต้นทุนที่ไม่ธรรมดา”
• ตอนที่ 20 : ความเชื่อที่ว่า "ซื้อที่ดินยังไงก็ไม่ขาดทุน" คุณเชื่อมั๊ย?"
• ตอนที่ 21 : ปัญหาสิ่งแวดล้อม กับโอกาส
• ตอนที่ 22 : "น้ำ" เรื่องทำเงินใกล้ตัวที่เรามองข้าม!!
• ตอนที่ 23 : ทางรอดของเศรษฐกิจโลก ดอลลาห์ หรือ หยวน
• ตอนที่ 24 : "จีน" กับ "อินเดีย" โตแบบไหนดีกว่ากัน
• ตอนที่ 25 : เติบโตแบบ "ซามูไร" (แนว"แก่รวยกระจุกตัว")
• ตอนที่ 26 : ยุโรปกับอเมริกาใครกำลังจะรุ่ง..
• ตอนที่ 27 : งานสำหรับคนแก่ ช่องว่างที่ยังไม่เต็ม
• ตอนที่ 28 : ทำธุรกิจ กับ เล่นหุ้น อะไรที่เหมาะกับคุณมากกว่า
• ตอนที่ 29 : คนชั้นกลาง กำลัง หดตัวลง --คุณจะปรับตัวอย่างไร ให้คุณไม่จนลง เหมือนคนอื่น
• ตอนที่ 30 : เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลง --ความมั่งคั่งจะเปลี่ยนมืออย่างไร
• ตอนที่ 31 : World Billionaires วัดความรวยกันที่ไหน
• ตอนที่ 32 : ตลาดหุ้นขึ้นใครรวยที่สุด
• ตอนที่ 33 : "ให้ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีความไม่แน่นอนสูง"
• ตอนที่ 34 : โอกาสในการลงทุนหุ้น "ADVANC" (กำไรบนความเสี่ยง)
• ตอนที่ 35 : ปี 2553 จะเล่นหุ้นอย่างไรให้ได้กำไร
• ตอนที่ 36 : ตลาดกำลังแย่ - จริงหรือ ?
• ตอนที่ 37 : "จำนวนคนโดดตึกตาย"--ดัชนีวัดความ Bubble ของตลาด
• ตอนที่ 38 : การวัดค่าความสำเร็จของ "จีเมริกา" (จีน+อเมริกา)
• ตอนที่ 39 : "foreign exchange reserves ของไทยมีมากกว่า อเมริกาอีก"
• ตอนที่ 40 : "เงิน"กับเศรษฐกิจโลก
• ตอนที่ 41 : คุยเฟื่องเรื่องธนาคารต่างชาติ
• ตอนที่ 42 : เห็น "กงจักร" เป็น"ดอกบัว"
• ตอนที่ 43 : ผู้ประกอบการไทยกับการทำนายอนาคตของประเทศ
• ตอนที่ 44 : คนจนยิ่งจน
• ตอนที่ 45 : "Mutual Funds "ในบ้านเราน่าลงทุน(จริงหรือ)
• ตอนที่ 46 : ใครสามารถเปิด"กองทุน"เวลานี้ได้..สบาย (รวยเละ)
• ตอนที่ 47 : โรงกลั่นเคลือ ปตท. PTTAR/ IRPC / TOP /PTTCH
• ตอนที่ 48 : เทคนิค "เล่นหุ้นปั่น" ที่เสี่ยงน้อย
• ตอนที่ 49 : แบบตรวจสอบความเป็น"แมลงเม่า" ของคุณ
• ตอนที่ 50 : ภาพลวงตาของค่าเงิน..คุณก็เลยโดนมันหลอก(ยังขนลุกอยู่เลย)!!
• ตอนที่ 51 : เกาะตลาดหุ้นใน "ภาวะฝรั่งฝ่อ ไทยสู้" by pawawit (นี่เอาวิเคราะห์จากบทความ ณ วันที่(15 June 2010) จาก Blog ผม ที่ http://pawawit.blogspot.com มาฝาก)
• ตอนที่ 52 : คนฉลาดแสร้งโง่ คนโง่อวดฉลาด
• ตอนที่ 53 : อายุเท่าไหร่จึงจะประสบความสำเร็จ(ใช้ Compounding interest!!)
• ตอนที่ 54 : เราอ่านประวัติคนที่สำเร็จ แล้วทำบ้าง แต่แล้วเราก็ไม่เห็นสำเร็จ
• ตอนที่ 55 : ธุรกิจที่น่าจับตามอง (โอกาสเติบโตสูงในอนาคต)
• ตอนที่ 56 : หุ้น CPALL(7-11) ราคา P/BV ตั้ง 6 เท่าแล้ว ทำไม "ดร.นิเวศน์ ไม่ยอมขายซะที"
• ตอนที่ 57 : เมื่อไหร่ที่ควรซื้อ CPALL
• ตอนที่ 58 : Real estate Agent อาชีพที่สร้างบนฟองสบู่
• ตอนที่ 59 : การทำเงินในตลาดหุ้นต้องรู้จัก “ตั้งข้อสงสัย”
• ตอนที่ 60 : ปัญหาของ "คนใหญ่โต" คือ "โรคหูปิด"
• ตอนที่ 61 : จุดบอดของผู้นำ"ที่ยิ่งใหญ่"(ไม่เข้าใจ)
• ตอนที่ 62 : “คุณคิดว่าสงคราม(ใช้สื่อ)ระหว่างรัฐบาลกับทักษิณแน่แล้ว”-- ไม่ใช่เลย “OBAMA เก๋ากว่าเยอะ” เขาถึงเป็นเบอร์ของ 1 ของโลกไง
• ตอนที่ 63 : คุณควรเรียนอะไรจาก Google , YouTube และ FACEBOOK
• ตอนที่ 64 : จุดจบ “การตลาด” กับการแจ้งเกิดของ “Product is Everything”
• ตอนที่ 65 : แกะรอย Google ในเมืองไทย
• ตอนที่ 66 : เอา "Long Tail" มาเล่าให้ฟัง
• ตอนที่ 67 : ตลาดที่กำไรที่สุด "Mass Luxury"
• ตอนที่ 68 : นักธุรกิจรุ่นใหม่
• ตอนที่ 69 : ปัญหาของ "คนรุ่นใหม่" กับ "องค์กรแบบเก่า"
• ตอนที่ 70 : หลายคนถามผมว่าเรียนต่อ "ปริญญาโท-เอก" ดีไหมล่ะ??
• ตอนที่ 71 : "ตู้เย็นมือถือราคาพันกว่าบาท รถยนต์หมื่นบาท" ต้อง Bottom-up Innovation เท่านั้น
• ตอนที่ 72 : “Tata ถึง Bill Gates”-- Social Enterprise ตัวพ่อ (คำตอบที่ว่าคุณเกิดมาเพื่ออะไร)
• Appendix สรุปวิกฤติประเทศไทย ตั้งแต่เปิดตลาดจนปัจจุบัน โดยพี่ Looking (เจ้าของ Web ชื่อดัง www.stock2morrow.com ) “ถ้าไม่รู้ภาพใหญ่ เราก็ไม่ต่างจากแมลงเม่า”

ซื้อหนังสือ คลิ๊กได้ที่นี่ www.stock2morrow.com (ขอบคุณครับ!!)
(ปล. ใครจะเอาลายเซ็นต์ผมด้วย บอกที่สั่งไว้ด้วย "อยากเซ็นต์จัง"--แต่คนอ่านอาจไม่อยากได้… หุ หุ หุ)

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หนังสือ Bakery & I --("สุกี้"กับ Bakery ที่กินไม่ได้ !!)


ผมได้อ่าน "Bakery & I" หนังสือของคุณ สุกี้ (หนึ่งในสามอรหันต์แห่งค่าย Bakery Music ผู้ปฏิวัติวงการเพลงไทยตลอดกาล) ..รู้สึกว่า "ได้อะไรเยอะมาก!!" แต่อย่างแรก ขอบคุณทั้งสามคนนี้จริงๆ ที่ทำให้ RS กับ Grammy สร้างนักร้องและเพลงที่มีคุณภาพมากขึ้น "ขอบ่นก่อนนะว่า ย้อนไปไม่ถึง 10 ปี ผมทนนักร้องของค่าย RS ไม่ได้จริงๆ.."คิดแล้ว ปี๊ด!!" (แต่เดี๋ยวนี้เขาดีแล้ว แถมเอาบอลโลกมาให้เราดูอีก ..ยังไงต้องยกเครดิตให้ "คุณสุกี้" อยู่ดี เพราะของจะดีมันต้องมีการแข่งขัน

เรื่องราวการเดินทางของ Bakery มันได้ย้อนมาสร้างความมั่นใจใน การแบ่งประเภทกิจการที่ผมเคยแบ่งไว้ 3 ประเภท (Me too/ Value Added / Innovation)..จุดนี้ลองมาดูซิครับว่า Bakery Music ที่สร้างตัวเองอย่างแตกต่าง ทั้งแนวเพลง ปกเทป คุณภาพเพลง ตัวศิลปินที่มีความเจ๋งในตัว การโปรโมทที่ใช้การแสดงสด + Word of Mouth(เป็นหลักในการขับเคลื่อน)

--ที่ว่ามาทั้งหมดเพื่อจะชี้ว่า Bakery Music แท้จริงแล้ว ไม่ใช่ Innovation นะแต่เป็นแค่เพียง Value Added --แต่ค่ายที่เป็น Innovation น่ะคือ Grammy เพราะ (เต๋อ)กับ(อากู๋) นี่แกสร้าง Grammy มาตั้งแต่ยังไม่มีอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทยเสียด้วยซ้ำ เริ่มจาก คุณเต๋อ แกนั่งเกากีตาห์อยู่หลังห้องโรงเรียนเซนต์คาเบรียล (แกเป็นรุ่นพี่ผม "ภูมิใจจริงๆ")..จากเด็กหลังห้องก็กลายเป็นตำนาน ผู้ก่อตั้ง Grammy มันจึงเป็น Innovation ที่ไม่ธรรมดา (แม้ในบางยุค เพลงจะ "ห่วย"บ้างเล็กน้อย แต่แล้วก็สามารถผ่านมรสุมมาได้)

กลับมาที่ Bakery ก็นับว่า เป็นการรวมตัวของคนหนุ่มไฟแรงสร้างกิจการด้วยความเชื่อมั่น และได้ผ่านวิกฤตถึงสองครั้ง ก่อนที่ทั้งสามคน จะปิดตำนาน ลาออกจาก กิจการที่ตัวเองก่อตั้งในที่สุด(เหมือน Steve Jobs อ่ะ..หุ หุ) --ความสำเร็จใน Bakery ในอดีต ผมมองว่าเป็นการทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และมันเป็นสิ่งที่เป็นช่องว่างของตลาด (ซึ่งถ้ามองให้ดีแล้ว การผลิตเพลงที่ไม่ใช่กระแสในตลาด มันเสี่ยงต่อการเจ๊งอย่างมากทีเดียว)

จุดที่น่าสนใจคือ การเข้ามาร่วมทุนของ BMG ที่ดึง Bakery ออกจากวิกฤตที่ถึงขั้นเกือบล้มละลายถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกร้อยล้าน และครั้งที่สองอีกสี่สิบล้าน ..สิ่งที่น่าคิดคือ "ฝรั่งมันเอาเงินมาลงทุนทำไม!!" เพราะการเข้ามาในครั้งแรก เป็นการเติมน้ำเลี้ยงให้กับกิจการที่ขยายเกินตัว ให้ขยายเกินตัวเพิ่มเข้าไปอีก!!

เงินร้อยล้าน ที่เข้ามาร่วมลงทุนโดย BMG ทำให้ Bakery ขยายไลน์ออกสู่ นิตยสาร KATCH ค่าย Dojo รวมถึงทีวีอีกด้วย ซึ่งท้ายสุดกลับกลายเป็นปัญหากลับมาสู่การก่อ วิกฤตในครั้งที่สอง!! ..ซึ่งครั้งนี้ทาง BMG ตัดสินใจให้ทุนเพิ่ม แต่ส่งคนเข้ามาช่วยแก้ปัญหา --จุดนี้สร้างรอยร้าวอย่างมาก เพราะมีการปิดตัวทั้งหนังสือและทีวี รวมทั้ง Lay off พนักงานจำนวนมาก

ถ้าให้มองเป็น Shotๆ จะเห็นได้ว่า BMG เสี่ยงในเงินก้อนแรก คล้ายๆกับที่ Venture Capital ในอเมริกาใช้ คือ การปล่อยแล้วดูว่า กิจการใดที่ขยายแล้วสามารถอยู่ได้บ้าง ..ซึ่งนับเป็นมุมมองที่ฉลาด เพราะการได้ "กลุ่มนักธุรกิจดนตรีที่สุดโต่งอย่าง Bakery" เข้าทำการทดลองเปิด ธุรกิจในสายใหม่ๆ ก็ทำให้ฝรั่งได้เรียนทางอ้อมไปในตัว ด้วยเงินที่น้อยนิดเมื่อเทียบกับดอลล่าห์ จึงไม่แปลกที่ฝรั่งสามารถโยนเงินก้อนแรกมาถามทาง จากนั้นก็ค่อย "ตัดเก็บปิด" ในเงินอัดฉีดก้อนที่สอง

แต่สิ่งที่พลาด!! ผมมองว่า (เกมนี้มันไม่จบ Loop) เพราะ Sony เข้ามาซื้อ BMG ไปเสียก่อน ..มิเช่นนั้น ผมว่า Bakery มีโอกาสกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง เพราะธุรกิจที่โตได้มันต้องมี (คน + เงิน) --จากวิกฤตทั้งสองทำให้ Bakery มีทั้งสองอย่าง แต่ที่สุด ก็พลาดที่จัวหวะและโอกาสนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การศึกษาประวัติของ Bakery มันเป็นอะไรที่สนุก และสะท้อน ภาพบางอย่าง ที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตทุกๆคน "นั้นคือบริบทการแข่งขันของธุรกิจจะเปลี่ยนไป" จากเดิม Bakery แข่งกับ RS และ Grammy แต่ท้ายสุดคนที่ Bakery แพ้กลับเป็น "ผู้บริโภค" ที่เปลี่ยนพฤติกรรม โดยไม่มีใครซื้อ CD ฟังอีกต่อไป ฟังแต่ MP3 แทน--(จุดนี้ถ้ามองให้ดีมันน่ากลัว!!) เพราะถ้าคุณมองให้ดีๆ "ผู้บริโภคในอนาคต มีพฤติกรรมที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ทั้งลักษณะการบริโภค การกินอยู่ การทำงาน รวมทั้งในเรื่องของเวลา" --แน่นอน!! สิ่งเหล่านี้ ก็จะกลับมาเปรเปลี่ยนเป็น แนวโน้มการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไป ดังนั้น ถ้าบริษัทใดไม่เข้าใจ ผมว่า"ตายลูกเดียว"