หนังสือที่ได้รับความนิยมใน Blog นี้
-
"หนังสือเล่มแรกของผมคลอดแล้วคร้าบ!! (เหนื่อย..แต่เห็น Feed back ของผู้อ่านแล้ว ก็หายเหนื่อยครับ!!)" สารบัญ (แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นห...
-
ไปหยิบ “Superfreakonomics” ของ Levitt มาจาก Asia books ..อ่านปั๊บ โดน!!ตั้งแต่คำนำ ชอบตั้งแต่เล่มแรกแล้ว นี่อ่านเล่มสองยังไม่จบแค่บทแรกก็มีเ...
-
นี่เป็นภาพที่บรรยายได้ "ร้อยคำพูด" เป็นการอธิบายถึงความมั่งคั่งของคนทั่วโลก --"คน 10% ของโลก เป็นเจ้าของ เงิน 90% ของโลก&q...
-
ผมอ่านหนังสือ "Outliners - ของ Malcolm Gladwell" เขาพูดถึงเรื่อง ความเก่งหรือ การเป็นมืออาชีพ ได้อย่างน่าสนใจมาก เขายก "กฎของ...
-
ผมได้อ่าน "Bakery & I" หนังสือของคุณ สุกี้ (หนึ่งในสามอรหันต์แห่งค่าย Bakery Music ผู้ปฏิวัติวงการเพลงไทยตลอดกาล) ..รู้สึกว่า ...
-
“Microtrends” เป็นหนังสือ แนวเจาะประเด็นความรู้สึกนึกคิดที่เปลี่ยนแปลงขึ้นใน “ตัวเรา” แต่เราไม่รู้ --มาบอกเรา ..ทำให้เรารู้สึกว่า “จริงๆ ..ม...
-
"การ์ตูน" --จริงๆอ่านอะไรก็ได้มุมมองทั้งนั้นอยู่ที่เราจะเก็บเอาอะไรมาเป็นแง่คิด... ผมเป็นคนนึงล่ะ ที่บ้าอ่านหนังสือมากๆ (จริงๆผมว่...
-
"Animal Spirits" เป็นหนังสือ แนวนักสืบเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ อีกเล่มที่น่าสนใจ ..เป็นการมอง Economic โดยใช้ "สัญชาตญาณของสัตว์&q...
-
หนังสือเล่มนี้เป็น การเจาะลึก"ที่มาของ The Omaha" สุดยอด Value Investor ของโลก Warren Buffet นั่นเอง...ก่อนอื่นต้องบอกว่า เป็นห...
-
"ให้ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีความไม่แน่นอนสูง" "ให้ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีความไม่แน่นอนสูง" เป...
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553
หนังสือ The Ascent of Money
ผมเพิ่งอ่าน "The Ascent of Money - Niall Ferguson"อ่านไปอ่านมาก็พลิกไปอ่านบทสุดท้าย ไปโดน บทปิดเกี่ยวกับนิยามความหมายของ"ตลาดเงิน" --คือ โดยปกติตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยนึกเอะใจเลยว่า "เงิน คือ อะไร" แล้วทำไมเราต้องการมันมากๆ และก็ทำไม เงินสำหรับบางคนช่างหายาก"สุดๆ"
แต่สำหรับบางคนก็หาเงิน ง่ายๆ..."ทำไม" -- ไอ้คำพูดที่โดนมากๆจากหนังสือคือ การนิยามว่า ตลาดเงินเปรียบเสมือนกระจกที่ใช้สะท้อนถึง "การให้ค่าตัวเรารวมทั้งทรัพยากรที่เป็นประโยชน์รอบตัว"(งง) --ตอนแรกอ่านแล้วไม่เข้าใจ((มันลึก!!)) แต่พอนึกๆ ก็เริ่มเข้าใจ
... ยกตัวอย่างสมัยก่อน คุณเป็นเจ้าของที่ดินเยอะ ก็ไม่มีความหมาย หากไม่มีการพัฒนาเกิดบนที่ดิน--ที่ดินก็ไม่มีค่า ดังนั้น ก็"ไม่มีราคา" หรืออย่าง สมัยก่อน เป็นเจ้าของที่ดินที่มี แร่ยูเรเนียม ของประเทศออสเตรเลีย(ใครไปจับ"หินแร่"ก็เกิดเป็นโรคร้าย) กลายเป็นถูกมองว่า "เป็นผืนดินที่ถูกเทพเจ้าสาบไว้" แต่ปัจจุบัน พอมีการคิดค้น นิวเคียร์ กลับทำให้ แร่ยูเรเนียมมีคุณค่าขึ้นมาทันที จะเห็นได้ว่า การให้ค่าด้วย"เงิน" เป็นปัจจัยที่กำหนด สิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อชีวิตของมนุษย์นั่นเอง ตัวอย่างล่าสุด เช่น Google จะไม่มีค่าเลย หากคนเล่น Internet ไม่ได้มีมากมายขนาดนี้
ดังนั้น คนที่รวย เช่น Bill Gates ก็คือ คนที่สามารถเป็นเจ้าของ ทรัพยากรที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตมนุษย์ให้ได้มากที่สุดนั่นเอง ( OS คืออะไรวะ ปัจจุบันหลายคนยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ Bill Gates เขาผูกขาด ทุกคนต้องใช้ "รวยเลย"ว่างั้น..)--หลายคนอาจมองว่า "ง่ายๆ" แต่จริงๆมันไม่ง่าย --เพราะถ้ามันง่าย คนอื่นเขาก็เอา"ทรัพยากร"นั่นไปครอบครองหมดแล้ว ไม่เหลือถึงเราแน่นอน
-- ดังนั้น แสดงว่า การที่เราจะครอบครอง"ทรัพยากร" ได้มากมายในขณะที่คนอื่น"ไม่รู้" แสดงว่า "ทรัพยากร"นั่นๆ.. คนอื่นมองว่า "ไม่มีค่า" นั่นเอง --- (ฮ่า ฮ่า) แล้วอะไรล่ะที่ ดู"ไม่มีค่า"ในวันนี้ และมัน "มีค่า" ในวันข้างหน้า.. หลายคน(เริ่มคิด คิด...อะไรล่ะ)-- (ใช่แล้ว) --- ที่ดิน รกร้างในต่างจังหวัด "((หนองปรุ))-- อำเภอที่แห้งแล้งสุดในอีสาน ใช่ป่ะ
คือ ถ้าโชคดี ถนนอาจตัดผ่านที่ดินคุณ(จริงๆแทบเป็นไปไม่ได้) นอกเสียจากคุณเป็นรัฐมนตรีกระทรวง คมนาคม แล้วสั่งให้ตัดถนนผ่านที่คุณ ฮิ ฮิ... ไร้สาระ" --แต่ก็จริง "ที่ดิน" หลายที่คนมองข้าม แต่ท้ายสุดมันกลับมาแพงสุด
อย่าง"คุณตา"ผม ซื้อที่ไว้กลางนา ไกลเมืองสุดๆ อยู่แถว"รามอินทรา" ตั้งแต่ไร่ละร้อย (คุณลองนึกดู) ตอนนั้น ตาผมกะซื้อ ทิ้งๆ เพราะที่ดิน ถูกเป็น"ขี้" (สมัยก่อนพลเอกชาติชายเป็นนายก ที่แถวสุขุมวิท ยังไร่ละไม่กี่หมื่น ตอนนี้กี่ร้อยกี่พันล้าน) เอาเป็นว่า ไอ้ที่นั้น ปรากฏว่าวันดีคืนดี มีนายทุนใหญ่(บริษัท SC ASSET มาซื้อที่ใกล้กัน) และแล้วถนนใหญ่ก็ตัดผ่านที่ จากไร่ละร้อย ก็กลายเป็น ไร่ละหลายสิบล้าน --ขำไหม "ดวงครับ"
ลองนึกต่อว่า ถ้าซื้อที่ดินในวันนี้ แล้วในอนาคตจะ รวยได้เหมือน "คุณตา" ผมไหม --(ผมว่าฝันๆๆ) เพราะอะไรรู้ไหม ก็เพราะที่ดิน เดี๋ยวนี้ ตั้งแต่สมัยคุณ ชาติชายมาเป็นนายก ก็มีการปั่นราคาที่ดินเป็น "ล้านๆเท่า" และแล้ว ราคาที่ก็ไม่ได้ปรับลงไปจุดเดิมอีกเลย --(อ้าว คราวนี้ จะเหลืออะไรอีกที่คนอื่นมองว่า "ไร้ค่า"ในปัจจุบัน และมัน(อาจ)มีค่า"มากมาย"ในอนาคต.....(คุณว่าอะไร)---"หุ้นไง" .........
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น